บทที่ 17 สหายฮองเฮา (๒)

เฉินหว่านอิ๋งรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นางทราบมาว่าอู๋ตานเหม่ยเป็นองค์หญิงจากแคว้นเหลียวผู้สูงศักดิ์ ซ้ำตอนนี้ยังเป็นฮองเฮาประมุขของราชสำนักฝ่ายใน แต่เหตุใดกันจึงได้ออกมาเที่ยวนอกวังและยังมาขอให้นางเป็นสหายอีก คงมิใช่แค่เพราะเจอกันครั้งแรกแล้วถูกชะตาเป็นแน่

“ฮองเฮา” หลิงซีที่ยืนอยู่ด้านหลังเรียกเบาๆ นางกำนัลสาวไม่อาจวางใจเฉินหว่านอิ๋งได้เลย เพราะอีกฝ่ายเป็นแค่บุตรสาวคนเล็กของเจ้ากรมพระคลัง หาควรทำตัวเสมอกับพระมารดาแห่งแผ่นดินนี้

“หม่อมฉันได้รับพระเมตตาจากฮองเฮานับว่าเป็นเกียรติกับสตรีต่ำต้อยผู้นี้แล้วเพคะ แต่คนอื่นอาจจะมองว่าหม่อมฉันทำตัวเสมอท่าน” นี่คือสิ่งที่เฉินหว่านอิ๋งกังวล หากนางได้รับเกียรติเป็นสหายของฮองเฮา บิดาจะพ้นคำครหาหรือไม่ที่ว่านางอาจจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับทางราชวงศ์ แต่อันที่จริงแล้วหญิงสาวหาได้ต้องการเช่นนั้นเลยสักนิด มีผู้คนมากมายทั่วแผ่นดินที่อยากได้รับเกียรติระดับสูงเช่นนี้

“ตอนนี้เจ้าอาจจะยังไม่เปิดใจรับข้าสักเท่าไหร่ แต่ข้าเชื่อว่าเราสองคนจะเป็นสหายที่ดีต่อกันได้” อู๋ตานเหม่ยคลี่ยิ้มบางๆ จากนั้นนางจึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์ของร้านมาเพื่อสั่งอาหารให้กับตนเอง เฉินหว่านอิ๋งและหลิงซี

เฉินรั่วหลานกลับจวนด้วยความรู้สึกคับแน่นในอก!

สตรีเดินทางกลับจวนอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์ขุ่นมัวหลังจากไปร่วมงานเลี้ยงเล็กๆ ของหลินไท่เฟยที่วังหลัง นางอุตส่าห์แต่งตัวให้งดงามเฉิดฉันทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาหมางเมินจากหวังชินอ๋องและสายตาถากถางจากบรรดาคุณหนูสกุลสูงเหล่านั้น!

“คุณหนูใหญ่ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ หากท่านเกรี้ยวกราดมากอาจทำให้สุขภาพย่ำแย่” จื่อเวยซึ่งเป็นสาวรับใช้คนสนิทรินน้ำชาให้อย่างเอาอกเอาใจ

“วันนี้ข้าไม่งดงามตรงไหนกัน!” เฉินรั่วหลานตวาดถามจื่อเวยเสียงดัง นางตวัดใบหน้าหันมองตนเองในกระจก หน้าตารึนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเกาอี้เหรินหรือแม้แต่คนอื่นเลยสักนิด ครอบครัวของนางเป็นถึงขุนนางที่ซื่อสัตย์และภักดีมาจากรุ่นสู่รุ่น มีความดีความชอบมากมาย แต่กลับมิได้รับความสนใจจากหวังชินอ๋องหรือหลินไท่เฟยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามพระนางกลับถามหาแต่เฉินหว่านอิ๋ง!

“มีอะไรกัน” เฉินฮูหยินเดินเข้ามาหาบุตรสาวที่นั่งอารมณ์เสียหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ “ใครทำอะไรลูกของแม่อีก”

เฉินรั่วหลานใบหน้างอง้ำหันมาตอบมารดา “ก็หลินไท่เฟยน่ะสิเจ้าคะ ตอนที่แนะนำข้ากับท่านอ๋อง ก็ทรงเอาแต่ถามหาเฉินหว่านอิ๋ง!”

แค่ถามหาเฉินหว่านอิ๋งยังไม่เท่าไหร่นัก แต่สายตาบรรดาพวกคุณหนูหลากหลายคนในที่นั้นที่มองนางมาอย่างเยาะเย้ยยามที่ตนกำลังส่งสายตาทอดสะพานให้หวังซานเย่แล้วต้องพบความผิดหวัง นางเจ็บใจจนอยากฆ่าพวกคนเหล่านั้นให้ตายจริงๆ!

“พ่อของเจ้าน่ะปล่อยนังเด็กนั่นออกไปเที่ยวข้างนอก นางคงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับไท่เฟยหรอก เจ้าคงคิดมากเรื่องเกาอี้เหรินใช่มั้ยล่ะ” เฉินฮูหยินกล่าวได้อย่างตรงไปตรงมา

“เกาอี้เหรินถูกวางตัวเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องอยู่แล้ว และท่านอ๋องก็ดูชมชอบนางมากเช่นกัน ไท่เฟยเองก็ไม่ใคร่โปรดปรานข้านัก แบบนี้แล้วตำแหน่งพระชายารองยังจะหวังได้อยู่หรือเจ้าคะท่านแม่” เฉินรั่วหลานมองมารดาด้วยสายตาตัดพ้อ นางจะแพ้ทั้งเฉินหว่านอิ๋งและเกาอี้เหรินเลยหรืออย่างไรกัน

เฉินฮูหยินโบกมือให้จื่อเวยออกไปด้านนอก บัดนี้ในห้องนอนของเฉินรั่วหลานจึงมีเพียงเจ้าของห้องและเฉินฮูหยินเท่านั้น

“เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ท่านพ่อเจ้าอย่างไรเสียก็เป็นคนที่ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัย แม่จะให้ท่านพ่อเจ้าส่งชื่อเจ้าเข้าคัดเลือกพระชายา โดยไม่มีเฉินหว่านอิ๋ง”  เฉินฮูหยินกล่าวกับบุตรสาวอย่างมีแผนการ “และไม่มีเกาอี้เหรินด้วย”

เฉินรั่วหลานมองมารดาด้วยสายตาสงสัย มารดาของตนมีแผนการอันใดในใจกันแน่ “ท่านแม่มีแผนอะไรหรือเจ้าคะ”

เฉินฮูหยินคลี่ยิ้มบางๆ พลางก้มกระซิบกับบุตรสาวเพียงสองคน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป